นับสืบเจนจิรากล่าวต่อไป
“ทุกท่านคงจำกันได้ถึงสภาพการตายของอาจารย์วันชาติ
เขาถูกแทงทะลุหัวใจในห้องที่ปิดตายในยามดึกสงัด
เราไม่พบลายนิ้วมือของใคร
และแทบจะไม่พบอะไรที่พอจะเป็นหลักฐานได้
สิ่งเดียวที่ต้องคลำต่อไปคือแรงจูงใจของฆาตกร”
นักสืบเจนจิราหยุดพูดและตอนนี้ก็เป็นทีของคำพูนบ้าง
“เมื่อพูดถึงมูลเหตุจูงใจคนแรกที่เรานึกถึงคือสนฉัตร”
คำพูนมองไปทางสนฉัตรทำให้คนอื่นๆมองตามไปด้วย
“ใครๆก็รู้ว่าสนฉัตรเป็นนักเรียนที่อาจารย์วันชาติมักจะหาเรื่อง
ลงโทษมากที่สุดและหลายครั้งเป็นการลงโทษที่รุนแรงเกินปกติ
แน่นอนที่สนฉัตรต้องมีความแค้นเป็นการส่วนตัวกับอาจารย์วันชาติ”
คำพูนมองสนฉัตรตาแทบถลนส่วนสนฉัตรก็หน้าซีดราวกับไก่ต้ม
“ทุกท่านครับในกรณีนี้เราสามารถมองเห็นแรงจูงใจในการฆ่าได้อย่างไม่ยากเย็น
และคืนนั้นก็ไม่มีใครสามารถระบุได้ว่าสนฉัตรอยู่ที่ไหน
แต่เคราะห์ดีที่แมทธิวเพื่อนต่างโรงเรียนของสนฉัตรมาเป็นพยานว่า
คืนนั้นสนฉัตรอยู่กับเขา”
ประโยคนั้นค่อนข้างจะธรรมดามากสำหรับคนอื่นๆ
แต่สำหรับก้องภพแล้วเขาแทบจะทนไม่ได้ที่จะต้องได้ยิน
เรื่องราวในคืนนั้นอีกถึงแม้มันจะเป็นการกล่าวโดยไม่ได้แจงรายละเอียดใดๆก็ตาม
ส่วนคำพูนนั้นยังคงสาธยายต่อ
“แต่คำให้การของแมทธิวก็ใช่ว่าจะเป็นผลดีต่อสนฉัตรทั้งหมดเพราะแมทธิวให้การว่า
ในคืนนั้นจะมีบางช่วงที่สนฉัตรไม่ได้อยู่กับเขาและเรากำลังจะถามเขาเดี๋ยวนี้ว่าหายไปไหนมา”
ตอนนี้ทุกคนมองสนฉัตรเป็นตาเดียวก้องภพงงมาก เขาไม่เคยล่วงรู้มาก่อนว่ามีช่วงเวลาที่สนฉัตรไม่ได้อยู่กับแมธทิวมันมีเวลาแบบนั้นด้วยเหรอ ก้องภพรู้สึกหนาวๆร้อนๆ หรือว่า สนฉัตรจะ ไม่ ไม่นะมันไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น
สนฉัตรอ้ำอึ้งไม่ยอมตอบอะไรทั้งสิ้นว่าเขาหายไปไหนมาทำให้ทุกคนเริ่มคุยกันอื้ออึง แต่คำพูนปัญญาก็กลบเสียงของทุกคนซะด้วยคำพูนที่ว่า “เราทิ้งปริศนานั้นไว้ก่อนก็ได้ครับ เพราะสิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้ว่าสนฉัตรไม่ได้เป็นฆาตกรก็คือ คนที่เข้าไปในห้องของ อ.วันชาติจะต้องเป็นมิตรกับเขาดีเราแน่ใจว่า อ.วันชาติต้องเป็นคนล็อคประตูเอง เพราะเจ้าฆาตกรไม่น่าจะล็อคประตูเองเพราะไหนจะมีดที่ต้องแอบซ่อน ไหนจะต้องเป็นคนที่ อ.วันชาติไว้วางใจถ้าเป็นสนฉัตรล่ะก็ เขาคงถูกชกปากแตกก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องแล้วมั้ง
ทุกคนเริ่มสับสนถ้าไม่ใช่สนฉัตรแล้วจะเป็นใครกัน ห้องเริ่มเงียบขึ้นมาอีกครั้ง เสียงหวานๆของนักสืบเจนจิราเริ่มต้นขึ้นด้วยคำว่า“พิชิต” ทุกคนส่งเสียงฮือฮา
“อย่าลืมว่าอ.วันชาติทำให้พ่อของเขาตาย ด้วยอุบัติเหตุบางอย่างสมัยที่เขาสองคนทำเหมืองด้วยกันและนี่เป็นสิ่งที่พิชิตรู้อยู่แก่ใจเรื่อยมา อ.วันชาติอาจไม่ทันคิดอะไรลึกๆแล้วเขาก็เอ็นดูพิชิต เขาชอบแอบให้เงินพิชิต เพราะลึกๆก็รู้อยู่ว่าสาเหตุที่พิชิตต้องเป็นกำพร้านั้นเป็นเพราะใคร ลึกๆแล้วอ.วันชาติรู้สึกสำนึกผิดมาตลอด และเขาก็ไว้ใจพิชิตมากๆด้วยพิชิตสามารถที่จะเข้านอกออกในห้องของ อ.วันชาติได้ และในเมื่อความแค้นยังคุกรุ่นเขาก็น่าที่จะหาโอกาสตอนที่ อ.วันชาติเผลอ”
ตอนนี้พิชิตนั่งกำมือทั้งสองข้างแน่นสีหน้าเขาดูโหดเหี้ยมมาก
เสียงเจ้าคำพูนแผดขึ้นมาอย่างฉับพลัน“น่าเสียดายมากที่พิชิตตัวใหญ่เกินไป ไม่น่าจะหลบหนีออกทางด้านบนตรงหลังคาได้”
ทุกคนตกใจเมื่อรู้สักทีว่าฆาตกรหลบออกไปทางไหน
“เรื่องนี้เป็นความลับดำมืดมาตลอด ไม่เคยมีใครรู้เลยว่าเมื่อเปิดฝ้าเพดานออกจะมีอยู่เพียงส่วนหนึ่งที่คานทำด้วยเหล็กและฆาตกรใช้เป็นเส้นทางในการหลบหนี และหลอกพวกเราว่า ห้องนั้นเป็นห้องปิดตายแต่จริงๆแล้ว ไม่มีใครรู้เลยว่า บนหลังคาสามารถเล็ดลอดออกไปได้”
อ.สุภาวดีถามขึ้น“แต่ใครๆก็รู้นะว่า อ.วันชาติเอาตะปูไปตอกหลังคาไว้ซะแน่นแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะมีทางออกเลย”
“ผิดแล้วครับอาจารย์อาจารย์ไม่สงสัยเหรอครับว่าคานเหล็กหนึ่งชิ้นตรงฝ้าเพดาน อ.วันชาติเอาไว้ทำอะไรแกชอบออกกำลังกายด้วยการดึงข้อมากๆครับ และนั่นคือการออกกำลังกายที่แกโปรดปรานและสิ่งที่แกต้องการก็คือ การระบายอากาศที่ดี แกจึงเว้นช่องหลังคาไว้ช่องนึงสำหรับเอาไว้ระบายอากาศ และช่องนั้นก็คือ ช่องที่ฆาตกรใช้หลบหนี”
ผอ.แววตาขัดขึ้น “แต่จากการรายงานครั้งแรกของทีมสืบสวน ช่องหลังคาทุกช่องถูกปิดตายไม่มีช่องไหนว่างเลยนะ”
คำพูนทำสีหน้ากระหยิ่มยิ้มย่อง“ช่องนั้น ฆาตกรเป็นคนตีครับ”
ก้องภพอดสงสัยไม่ได้“หลักฐานคืออะไรเหรอ”
“ฆ้อนของอ.วันชาติที่ตกอยู่ตรงสนามข้างๆบ้านพักของแก”
สนฉัตรเสนอแง่คิดบ้าง“มันอาจเป็นฆ้อนที่ อ.วันชาติทำตกเองก็ได้”
“แต่น่าแปลกนะที่ไม่มีรอยนิ้วมือใดๆอยู่เลย”
ทุกคนในห้องเงียบกริบ
“พิชิตตัวใหญ่ไปแต่ก้องภพกับพงพัฒน์ตัวกำลังพอดีเลย”
เสียงซุบซิบดังลั่นไปหมดสนฉัตรรู้สึกสับสนมากๆ
“อะไรกันมันอะไรกัน”
คำพูนยังคงสวมบทนักสืบมาดร้ายอยู่ต่อไป
“ก้องภพเองก็แค้นอ.วันชาติที่ชอบลงโทษสนฉัตร เพื่อนรักของเขา ส่วนพงษ์พัฒน์เองก็ชอบโดนอ.วันชาติแกล้งลงโทษอยู่บ่อยๆจนถึงขั้นต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะการลงโทษครั้งหลังสุด”
ทุกคนนิ่งเงียบแทบจะไม่หายใจ
“แต่มีหลักฐานหลายอย่างยืนยันว่าทั้งคู่ไม่ได้ร่วมมือกัน เพราะฉะนั้นฆาตกรจะต้องมีคนเดียว และผมกำลังจะประกาศชื่อฆาตกรให้ทุกท่านทราบเดี๋ยวนี้”
“ฆาตกร”
“ก็คือ”
-
“อ.สุภาวดี”
ตำรวจรีบวิ่งเข้าล็อคตัวขณะตำรวจกำลังรวบตัวฆาตกรตัวจริงอยู่ คำพูนก็พร่ำพรรณนาเสียงของเขาราวกับเสียงของปีศาจ
“ใครกันที่เข้ามาสอนยิมนาสติกแทนอ.วันชาติ ใครที่รูปร่างกำลังเหมาะ เป็นที่ไว้วางใจในฐานะรุ่นน้องเป็นนักกีฬาที่มีแรงพอที่จะแทงทะลุหัวใจได้ และที่มีพิรุธที่สุดคือวันที่พาก้องภพไปโรงพยาบาล ทำไมต้องรีบกลับขนาดนั้นทำไมไม่อยู่รอเจอคุณแม่ของพงษ์พัฒน์ก่อน นั่นแหละคือสิ่งที่จุดประกายความสงสัย”
ขณะกำลังถูกตำรวจใส่กุญแจมืออ.สุภาวดีก็โวยลั่น
“หลักฐานล่ะไหนหลักฐาน มีแต่เรื่องที่คาดเดาไปต่างๆนานาล้วนๆ หาหลักฐานไม่ได้เลย”
คำพูนทำใบหน้าราวกับปีศาจอีกครั้ง
“หลักฐานสำคัญก็คือลายนิ้วมือที่หัวฆ้อนไงอาจารย์ลบรอยนิ้วมือที่ด้ามได้ แต่ลืมลบลายนิ้วมือที่หัวฆ้อนและนั่นคือหลักฐานชิ้นสำคัญหนึ่งในสองชิ้นหลักฐานสำคัญอีกชิ้นหนึ่งคือ หยดเลือดของ อ. สุภาวดีที่มีอยู่ในห้องของอ.วันชาติด้วย คงเผลอโดนหลังคาสังกะสีตอนปีนออกมา”
และคดีก็ถูกคลี่คลายด้วยฝีมือระดับเทพอย่างเจ้าคำพูน
หลังทุกคนออกจากห้องก้องภพเดินไปหาสนฉัตร เขามองหน้าของสนฉัตรแล้วยิ้มให้
“โชคดีว่ะเพื่อนที่พ้นมลทิน”
“ขอบใจว่ะ”
ขณะที่ทั้งคู่กำลังสบตากันอยู่แมทธิวก็วิ่งเข้ามา “ยินดีด้วยไอ้สน”
สนฉัตรยิ้มให้ “แล้วมึงล่ะ มาได้ไงวะ”
“กูจะย้ายมาเรียนกับมึงเทอมหน้าว่ะ” สนฉัตรกับก้องภพหันมองหน้ากัน
แมทธิวไม่สนใจเขาเอ่ยคำลา “กูไปก่อนนะ เจอกันเทอมหน้าว่ะ”
หลังจากแมทธิวจากไปแล้วคำพูนก็เดินมาหาสนฉัตรกับก้องภพ “พวกมึงเห็นวิชิตรึเปล่าวะ”
เขาทั้งสองส่ายหัวกันเป็นเสียงเดียว
ณโรงยิมเก่าที่ตอนนี้ไม่มีใครแล้ว พิทักษ์ถือโอกาสแนะนำพิชิตให้ยุทธรู้จัก
พิชิตยิ้มให้แต่ยุทธใช้กำปั้นชกไปที่หน้าของพิชิต ทำให้พิชิตปากแตก ยุทธตะโกนลั่น
“มึงไม่เคารพกูเลยเจอกันครั้งแรกก็ไม่ไหว้ มึงจะต้องถูกลงโทษ” ดวงตาของพิชิตเริ่มออกอาการวอนส้นตีนยุทธออกคำสั่ง “ถอดเสื้อกับกางเกงมึงออก” พิชิตทำตามจนเหลือแต่กางเกงในตัวเดียว
ยุทธกับพิทักษ์ช่วยกันจับพิชิตเอามือไพล่หลังทั้งคู่เอาสก๊อตเทปมามัดมือกับเม้าของพิชิตก่อนจะโยนตัวเขาไว้ตรงกะโปรงหลังรถที่จอดอยู่ ยุทธขับรถพาพิชิตไปที่สตูดิโอ 54
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น