ก่อนที่เยาวมาลย์จะไปสมัครงานที่บริษัทโฆษณาสมิทและเพื่อน
เธอแวะไปงานนิทรรศการภาพวาดที่อยู้ใกล้ๆกัน
งานนี้เป็นงานนิทรรศการเกี่ยวกับภาพเสก็ตด้วยดินสอ
มีทั้งชิ้นงานที่เชิญมาจัดแสดงและเปิดให้ส่งเข้าประกวด
เยาวมาลย์มีความสุขกับการเดินชมงานโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเธอคือ“โสภิตา บราวน์”
แน่นอนว่าการเป็นนางแบบคืองานของเธอแต่เธอก็รักความเป็นส่วนตัวยิ่งชีวิต
เธอเดินมาจนพบภาพเสก็ตที่เธอประทับใจมาก
มันเป็นภาพของทะเลและภูเขาดูเป็นภาพง่ายๆแต่มันมีเสน่ห์อย่างประหลาด
ลายเส้นสวยแปลกแตกต่างจากงานแนวนี้โดยทั่วไป
เธอหันหน้าไปถามเจ้าหน้าที่ๆอยู่บริเวณนั้น
“ภาพนี้ขายรึเปล่าคะ”
“ขายค่ะ”
“ราคาเท่าไหร่คะ”
“ต้องถามเจ้าของภาพเองนะคะภาพนี้อยู่ในสายประกวด”
เจ้าหน้าที่ถามต่อ“ต้องการจริงๆรึเปล่าคะ จะได้แนะนำเจ้าของภาพให้”
“ค่ะดิฉันอยากได้จริงๆ”
เจ้าหน้าที่เดินนำหน้าไปสักครู่หนึ่งก็แนะนำให้เยาวมาลย์รู้จักกับเจ้าของภาพ
“อ่ะ เธอนั่นเอง”
ก้องภพยิ้มทักทายเยาวมาลย์“สวัสดีครับ”
ทั้งคู่ไปนั่งคุยกันที่ร้านกาแฟ
ผิดคาดไปจากที่ก้องภพคิดเขาแค่เอาภาพเสก็ตมาส่งประกวด
หลังจากวันก่อนที่เขาแอบเห็นภาพเสก็ตในกระเป๋าของเยาวมาลย์
เขาแค่แอบคิดว่าอาจพบเยาวมาลย์ที่นี่
แต่ไม่นึกว่าผู้หญิงคนนี้จะสนใจงานของเขา
“ฉันชื่อเยาวมาลย์แล้วเธอล่ะ”
“ผมชื่อก้องภพครับเรียนอยู่ ม.5”
ก้องภพเห็นว่าเยาวมาลย์แต่งตัวผิดสังเกตแต่เห็นบ่อยๆก็เริ่มชิน
เพราะช่วงหลังๆแฟนชั่นของผู้หญิงก็ออกมาแนวแปลก
อีกอย่างที่เธอใส่วิกอาจเป็นเพราะหัวล้านก็ได้
ก้องภพเคยเจอผู้หญิงที่มีหนวดและหัวล้านมาแล้ว
ที่แปลกก็คือการปรากฏตัวของเธอที่โรงเรียน
แต่เขาก็ยังไม่อยากจะถามเธอตอนนี้ว่าเธอไปที่นั่นทำไม
ทั้งสองแลกเปลี่ยนที่อยู่กัน
ตอนนี้ก้องภพยังขายรูปให้เยาวมาลย์ไม่ได้จนกว่าเขาจะจัดแสดงเสร็จ
ทั้งคู่เลยต้องนัดแนะมาส่งมอบรูปกันในภายหลัง
ก้องภพคิดว่าดีแล้วเพราะจะได้มีโอกาสติดต่อเยาวมาลย์ได้อีก
ด้วยความเก็บกดของสมรทำให้เธอต้องหาทางออกโดยการเข้าร้านหนังสือขนาดใหญ่
เพื่อหาหนังสือประโลมโลกที่หน้าปกมักเป็นผู้ชายเปลือยท่อนบน
มันเป็นเพียงทางเดียวที่สมรพอจะคิดได้และนี่คือวิธีระบายออกทางเพศของเธอ
แล้วร้านหนังสือร้านนี้ก็รู้ใจลูกค้าเป็นอย่างมาก
เพราะที่ร้านนี้เขาจัดมุมไว้เฉพาะหนังสือที่ลูกค้าอย่างสมรต้องการ
เป็นตู้เดียวที่หันด้านหน้าชิดกำแพง
ถ้าใครไปเลือกเดินหาหนังสือก็จะหลบมุมได้พอดี
แถมตรงนั้นยังมีไฟส่องสว่างอีกด้วย
พฤติกรรมของสมรไม่สามารถรอดพ้นพนักงานร้านหนังสือที่ชื่อว่าฉัตรชัยไปได้
ฉัตรชัยเป็นพนักงานหนุ่มรูปงามที่ออกแนวตี๋
รูปร่างเขาไม่หนาแต่จะออกผอม และมีใบหน้าที่ใสปิ๊ง
ยิ่งอยู่ในเครื่องแบบของร้านหนังสือบิ๊กโบนัส ยิ่งทำให้เขาดูมีเสน่ห์มาก
ฉัตรชัยเองก็ไม่สามารถรอดพ้นสายตาของ“นิติ” เทรนเนอร์หนุ่ม
นิติเป็นเทรนเนอร์ของฟิตเนสที่อยู่ชั้นบน
เวลาว่างเขามักจะมาทีร้านหนังสือแห่งนี้
นอกจากหนังสือแล้วฉัตรชัยเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เขาสนใจมาก
นิติเป็นคนที่มีโครงสร้างใหญ่บึกบึน และหล่อเหลา
ตามเทรนของเทรนเนอร์ทั่วไปเวลาอยู่ในชุดฟอร์มเขาจะดูเท่มากๆ
ทั้งคู่ยังไม่รู้จักกันเพียงแต่มองกันไปมาบ้าง
ก่อนออกจากร้านนิติจะต้องซื้อหนังสือติดออกไปหนึ่งเล่ม
อาจเป็นหนังสือนิตยสาร ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
ครั้งแรกที่เขาซื้อหนังสือเล่มแรกเหนื่อยหน่อยตรงที่ต้องกะจังหวะ
ให้ตรงพอดีกับการจ่ายตังค์ในช่องของฉัตรชัย
มีหลายครั้งที่การหาหนังสือสักเล่มติดมือกลับไปนั้นไม่ยาก
แต่สิ่งที่ยุ่งยากหลายเท่าตัวคือการกะจังหวะให้ลงล๊อคของฉัตรชัยพอดี
บางครั้งเขาต้องนั่งเล็งอยู่นานจนพนักงานหญิงอีกคนสังเกตเห็น
ก้อยสังเกตเห็นพฤติกรรมของคู่นี้มานาน
แล้วก็แอบเชียร์อยู่ในใจ
หนังสือเล่มแรกที่นิติยื่นจ่ายเงินให้ฉัตรชัยคือ“ยินดีที่ได้รู้จัก”
ฉัตรชัยยิ้มแก้มปริเมื่อเห็นชื่อหนังสือ
เล่มที่สองคือ How are you?
และเล่มที่สามคือ“คิดถึงกันบ้างไหม”
ทุกครั้งฉัตรชัยได้แต่ยิ้มและแทบจะไม่ได้พูดอะไรตอบโต้เลย
วันนี้เป็นอีกวันที่นิติพยายามจะหาหนังสือเป็นสื่อแทนใจ
เขาเดินหาไปลอบแอบมองฉัตรชัยไป
ฉัตรชัยเองก็แอบเห็นนิติแอบมองเขาเหมือนกัน
เขาเองก็แอบลุ้นว่าวันนี้นิติจะซื้อหนังสือเล่มไหน
ไม่นานนักนิติก็เดินมาที่เค้าเตอร์ตอนนี้ไม่มีลูกค้าเลย
มีเพียงฉัตรชัยกับก้อยพนักงานคู่ใจยืนอยู่
ก้อยรู้ทันจึงพูดกับนิติไปว่า“อืม ตอนนี้ชั้นไม่ว่าง เชิญทางโน้น เชิญ”
นิติอมยิ้มเดินไปทางฉัตรชัยเขาวางหนังสือลงไปที่เค้าเตอร์
มันเป็นนิตยสารที่มีชื่อว่า“Hello”
ฉัตรชัยพูดว่า “150 บาทครับ”
นิติวางหนังสือเล่มที่2 “หยุดพักทักทาย”
ฉัตรชัยอมยิ้ม “85 บาทครับ”
นิติวางหนังสือเล่มสุดท้ายเป็นเล่มที่มีชื่อว่า
“สี่ห้องหัวใจให้นายคนเดียว”
ฉัตรชัยยิ้มพร้อมกับหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาวางไว้หน้านิติ
“รับรักไว้ที่ใจดวงนี้”
“เล่มนี้เราให้นายฟรีๆ” ฉัตรชัยพูดพร้อมกับยิ้มให้
นิติยิ้มจนปากฉีกถึงหู
ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังยิ้มให้กันอยู่นั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงคนล้ม
ทั้งสามวิ่งไปดูเขาเห็นสมรเป็นลมนอนอยู่กับพื้น
พวกเขาช่วยกันพยุงสมรไปนอนบนโซฟา
ก้อยช่วยปลดเครื่องแต่งกายให้หลวมขึ้น
ส่วนฉัตรชัยค้นกระเป๋าของสมรเพื่อหาดูว่าจะมีเบอร์โทรของญาติ
แล้วฉัตรชัยก็เจอเบอร์โทรของสนฉัตรนิติแอบชะโงกหน้ามาดู
“ชื่อเหมือนกับนายเลย”
“นายรู้จักชื่อเราได้ยังไง” ฉัตรชัยย้อนถาม
“ก็ดูที่หน้าอกเสื้อนายไง”
ฉัตรชัยยิ้มตอบ “ฉลาดจังนะนายนิติ” นิติก้มลงมองอกเสื้อของเขาแล้วเงยหน้า
ขึ้นมายิ้มแต่นิติก็ไม่ลืมนึกถึงเรื่องที่ปัจจุบันทันด่วน
“เฮ้ยโทรหานายสนฉัตรก่อนสิ”
“อืมเกือบลืมแน่ะ”
หลังจากแยกกับก้องภพแล้ว เยาวมาลย์ก็รอเวลานัดที่จะไปสัมภาษณ์
ที่บริษัทสมิทและเพื่อนพอถึงเวลาเธอก็ตรงเข้าไปที่บริษัท
“มาหาใครคะ” ใจดาวที่อยู่หน้าห้องของสมิทถามขึ้น
“มาหาคุณสมิทค่ะ”
“นัดไว้รึเปล่าคะ”
“นัดไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ”
“รอสักครู่นะคะ”
ใจดาวลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้อง
เยาวมาลย์ยืนรออยู่หน้าห้องเธอยิ้มให้กับผู้ช่วยของใจดาวที่ชื่อว่าอิงอร
สักครู่ใจดาวก็ออกมาจากห้อง
“เชิญเลยค่ะคุณสมิทรออยู่”
“ขอบคุณค่ะ”
พอเยาวมาลย์คล้อยหลังใจดาวก็เริ่มบรรเลง
“นี่อิงอรนั่นนางชีแถวไหนเนี่ย”
“แต่หุ่นเค้าก็ดีนะแค่แต่งตัวแปลกๆ”
“เป็นแบบนี้แล้วคุณสมิทยังจะเลือกเร้อเห็นสวยๆแกก็ไม่เลือกมาแล้ว”
พอเยาวมาลย์เข้าไปในห้องของสมิทเธอเห็นชายหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง
นั่งอยู่ที่โต๊ะที่มีป้ายเขียนว่า“ประธานบริษัท”
เป็นประธานที่อายุน้อยมากแทนที่เขาจะสวมสูท
เขากลับสวมเพียงเสื้อเชิ้ตเฉยๆแถมยังปลดกระดุมอีก 3 เม็ด
เผยให้เห็นแผงอกเต็มแน่น
เยาวมาลย์ไม่ได้เคลิบเคลิ้มไปกับความหล่อของสมิท
เพราะเธออยู่ในวงการนี้มานานแล้วและก็ถ่ายแบบกับนายแบบหนุ่มรูปหล่อมานับไม่ถ้วน
เธอจึงรู้สึกเฉยๆและกล่าวทักทายสมิทขึ้นก่อน
“สวัสดีค่ะ”
“อ้อ สวัสดีครับเชิญนั่งครับ”
สมิทยังพูดต่อไป“ผมอ่านใบสมัครของคุณแล้ว คุณน่าสนใจมากทีเดียว
ผมเห็นคะแนนสอบที่คุณเคยมาสอบเก็บไว้ถือว่าคุณทำได้ดีมาก”
เยาวมาลย์ยิ้มที่มุมปากเพียงนิดหน่อยเท่านั้น
“เอาเป็นว่าผมจะรับคุณเข้าทำงานพรุ่งนี้คุณพร้อมไหม”
เยาวมาลย์ยิ้มอย่างดีใจ“พร้อมค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
หลังจากคุยงานกันอีกนิดเยาวมาลย์ขอตัวลากลับ
เธอดีใจมากเพราะนี้เป็นงานที่รับเธอเพราะความสามารถ ไม่ใช่รูปร่างหน้าตา
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เธออยากจะได้มานานแล้วสมัยก่อนเธอต้องพึ่งอาชีพนางแบบ
เพราะยังเรียนไม่จบและต้องการเงินเป็นจำนวนมากมาเลี้ยงแม่
ตอนนี้แม่ของเธอไม่อยู่แล้วพ่อเลวๆก็ไม่อยู่เหมือนกัน
มันเป็นช่วงที่เธอพอจะเก็บเงินด้ก้อนหนึ่งและเรียนจบแล้ว
เพราะฉะนั้นเธอพร้อมแล้วที่จะทำงานที่มั่นคงและไม่ขายเรือนร่าง
พอเยาวมาลย์เดินออกไปกำพลเพื่อนซี้ของสมิทก็เดินสวนเข้ามา
“ใครว่ะไอ้มิท”
“เลขาคนใหม่ของกูโว้ย”
“เลขาเมิง ยัยชีเนี่ยนะมึงปวดหัวตัวร้อนรึเปล่าวะเนี่ย”
“ไมวะ แปลกตรงไหน” สมิทขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“ทำไมไม่หาที่มันสวยๆวะเห็นแบบนี้ กูดูไม่จืดเลย”
สมิทพูดต่อว่า “ไอ้สัตว์พล กูหาคนมาทำงานนะโว้ย ไม่ได้หามาทำอย่างอื่น
ขืนหาสวยๆกูจะมีสมาธิทำงานได้ไงฟ่ะ”
กำพลทำหน้ายี้ “เอาเหอะๆพ่อนักวางแผน เป็นกูอ่ะนะ กูไม่เลือกอย่างมึงหรอก ไอ้เหี้ย … อ้อกูเกือบลืม คืนนี้มึงไปโซ้ยกับกูไหม”
“ไปดิๆกูจะพลาดได้ยังไงล่ะ”
รอสักพักสนฉัตรก็รีบมารับสมรพี่สาว
สมฉัตรพอรู้อยู่บ้านว่าบางครั้งพี่สมรจะเป็นลมเอาได้ง่ายๆ
เขาจึงแอบเขียนเบอร์ใส่กระเป๋าของสมรไว้
ทั้งหมดช่วยพยุงสมรขึ้นรถ
“ขอบคุณมากๆเลยนะครับ” สนฉัตรหันมากล่าวขอบคุณฉัตรชัยและนิติ
“ไม่เป็นไรครับ” ฉัตรชัยตอบเขาไป
หลังจากสนฉัตรไปแล้วฉัตรชัยสังเกตเห็นว่านิติมองตามสนฉัตรแบบ
ตาไม่กระพริบ “อืม เห็นไอ้หนุ่มนั่นเลยลืมไอ้พนักงานร้านหนังสือเลยนะ”
นิติหันไปโอบไหล่ฉัตรชัย“ไม่ลืมหรอก แค่อยากชวนไอ้หมอนั่นมาเป็นเทรนเนอร์ก็แค่นั้น”
“ให้มันจริงเหอะ”
นิติยิ้มพร้อมกับพูดว่า“แล้วจะให้ทำยังไงถึงจะเชื่อล่ะ”
ฉัตรชัยจ้องมองด้วยแววตาเจ้าเล่“ทำยังไงก็ได้ให้เชื่อว่าปากกับใจของนายตรงกัน”
นิติแอบพาฉัตรชัยไปที่ฟิตเนสที่เขาทำงานอยู่
พวกเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วนุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว
เดินคู่กันไปที่ห้องอาบน้ำของฟิตเนสซึ่งเป็นห้องใหญ่พิเศษ
ทั้งสองเดินเข้าไปด้วยกัน
ปลดผ้าขนหนูแขวนไว้ตรงผนังห้องน้ำ
นิติเปิดน้ำฝักบัวแล้วดันฉัตรชัยให้เปียกน้ำ ทั้งคู่จ้องตากัน
และระดมจูบกันอย่างดูดดื่มและเมามันส์ทั้งคู่หลับตาพริ้ม
จูบกันไปกอดกันไปอย่างมีความสุข
แต่ทันใดนั้นประตูห้องน้ำก็ถูกดันเข้ามา
มีเทรนเนอร์ตัวล่ำๆผิวขาวๆ เดินเข้ามาในห้องน้ำอีกสองคน
ด้วยสภาพร่างกายเปลือยเปล่า
เขาสองคนคือกริชกับตี๋ พวกเขาเป็นเพื่อนสนิทกับนิติ
พอกริชกับตี๋เข้ามาในห้องน้ำเขาสองคนก็จับฉัตรชัยกับนิติแยกออกจากัน
ฉัตรชัยกับนิติไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนพวกเขาตื่นเต้นมาก แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
กริชผลักฉัตรชัยติดผนัง ตี๋ก็ผลักนิติเข้าชิดผนังอีกด้านหนึ่ง
ทั้งสองคู่แลกลิ้นกันอย่างดูดดื่มและสะใจ แผ่นหลังของกริชกับตี๋สีกันไปมา
ตลอดการแลกลิ้นกับฉัตรชัยและนิติ
ทั้ง 4 เอาสบู่มาฟอกตัวกันจนฟองเต็มตัว
กริชกับฉัตรชัยกอดกันสีกันไปมาท่ามกลางฟองสบู่ลื่นๆ
ตี๋กับนิติก็กอดกันสีกันไปมาเหมือนกัน
ตอนนี้ทั้ง 4 ท่อนลำแข็งขึ้นมาพอๆกัน พวกเขาจึงสีท่อนลำกันไปมา
ต่างคนต่างส่งเสียงร้องซี๊ดๆด้วยความเมามันส์
หลังจากนั้นพวกเขาทั้ง4 ก็เอาท่อนลำของทุกคนหันเข้าหากัน
แล้วก็สีกันไปมามันทั้งมันส์ทั้งตื่นเต้น ทั้งฉัตรชัยและนิติตื่นเต้นกันถึงขีดสุด
พวกเขาเปิดน้ำช่วยกันล้างตัว
หลังจากนั้นฉัตรชัยก็อมท่อนลำให้กริช นิติก็อมท่อนลำให้ตี๋
ส่วนกริชกับตี๋ต่างลูบไล้หัวนมให้กันและกัน
การดูดดุนท่อนลำของทั้งคู่เกือบจะได้ที่
ฉัตรชัยกับนิติถอนปากออกแล้วนอนหงาย
กริชกับตี๋ต่างชักว่าวจนน้ำแตกไปที่หน้าอกของทั้งสองที่กำลังนอนอยู่
กริชกับตี๋ก้มตัวลงดูดท่อนลำให้ฉัตรชัยและนิติ
พวกเขายังนอนหงายหลับตาพริ้ม
พอดูดกันได้ที่ต่างคนก็ต่างชักว่าวให้คู่ของตน
ดูเหมือนกริชกับตี๋จะชักว่าวให้ฉัตรชัยกับนิติแข่งกัน
พวกเขาปั่นเหมือนกับกำลังลุ้นว่าน้ำใครจะแตกก่อนกัน
อีกไม่นานน้ำของพวกเขาก็แตกพร้อมกัน ทั้ง 4 นอนบนพื้นห้องอาบน้ำซ้อนกัน
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาทั้ง 4 ก็ไปนอนกอดก่ายกันที่ห้องนอนห้องพิเศษของฟิตเนส
ซึ่งเป็นห้องที่กริชมีกุญแจเพราะเขาเป็นหัวหน้าเทรนเนอร์
ทั้ง 4 นอนก่ายกันไปมา ด้วยร่างกายที่เปลือยเปล่า จนทำให้ท่อนลำของทั้ง 4
เริ่มแข็งกันอีกรอบและตอนนี้นิติก็ถือโอกาสแนะนำเพื่อนของเขาให้กับฉัตรชัย
“คนที่นายกำลังอมให้ชื่อกริชส่วนคนที่กำลังอมให้เราชื่อตี๋”
ฉัตรชัยถอนปากชั่วคราว
“ยินดีที่ได้รู้จัก”
นิติแนะนำฉัตรชัยให้เพื่อนของเขารู้จัก
“เฮ้ย ไอ้กริชไอ้ตี๋ คนที่ผอมๆ ผิวเนียนๆ Kใหญ่ๆที่กำลังอมให้ไอ้กริชชื่อฉัตรชัย
มันเป็นพนักงานร้านบิ๊กโบนัส”
และแล้วตอนนี้ทุกคนก็รู้จักกันแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้นสนฉัตรรู้สึกเหนื่อยตั้งแต่เมื่อวาน
เพราะเขาต้องไปรับพี่สมรไปหาหมอแล้วพากลับบ้าน
ช่วงนั้นไม่มีใครอยู่บ้านพอดีซึ่งถือว่าโชคดีมาก
เพราะถ้าพ่อกับแม่อยู่ต้องถามว่าไปพบพี่สมรแถวไหน
มันอาจไม่แปลกสำหรับคนอื่นแต่อาจแปลกสำหรับพี่สมร
พี่สมรเป็นคนที่ไม่ชอบไปเดินห้าง
แต่ทำไมจึงไปร้านนั้นไปที่บิ๊กโบนัส
สนฉัตรเองพอจะเดาออกเพราะเขาพอจะจำได้ว่า
แม่เลี้ยงดูพี่สมรมายังไง
เขาเห็นใจพี่สมรมากแต่ไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไรเหมือนกัน
เพราะตอนนี้ตัวเขาเองก็เอาตัวแทบไม่รอด
เขายังจะต้องพบกับปัญหาอีกหลายๆอย่าง
ทั้งปัญหาส่วนตัวและปัญหาที่เขาถูกสงสัยว่าเป็นฆาตกร
ปัญหานี้ยังไม่หายไปซะที
ขณะที่เขากำลังนั่งครุ่นคิดอยู่นั้นก้องภพก็วิ่งมาหาเขา
“เฮ้ย ไอ้สนคำพูนบอกว่าให้มึงไปที่ห้องประชุมเล็กของโรงเรียน
เดี๋ยวนี้ มันพอจะรู้แล้วล่ะว่าใครเป็นฆาตกร”
เขาทั้งสองรีบวิ่งตรงไปห้องประชุมเล็ก
พอเข้าไปในห้องเขาทั้งสองแปลกใจเพราะในห้องนั้นมีคนอยู่กันพร้อมหน้า
ทั้งผู้อำนวยการแววตารองผู้อำนวยการสุทัศศรี ผู้ช่วยผู้อำนวยการสุภาวดี
ที่นั่งถัดไปเป็นพิชิตสนฉัตรถึงกับอึ้งเมื่อเห็นยุทธ พิทักษ์และแมทธิวอยู่ที่นั่งด้วย
ก้องภพเองก็แปลกใจมากเหมือนกันที่เขาพบพงษ์พัฒน์กับแม่ของเขา
ในห้องนั้นด้วย แต่ที่แปลกใจไปกว่านั้นคือเขาเห็นเยาวมาลย์ในห้องนั้นด้วย
อีกมุมหนึ่งของห้องมีตำรวจยืนรออยู่ 5 นาย
แล้วถัดจากนั้นก็คือนักสืบเจนจิราและก็เจ้าโคนั้น ปัวโรว์หรือเจ้าคำพูนปัญญาของเรานั่นเอง
นักสืบเจนจิราพูดขึ้น“สนฉัตรกับก้องภพมาแล้ว ดิฉันคิดว่าเราควร
จะเริ่มกันได้แล้วแต่ก่อนอื่นดิฉันขอแนะนำผู้ช่วยของดิฉันก่อน
เขาคนนั้นคือคำพูนปัญญา นักเรียนชั้น ม.5”
นักสืบเจนจิราผายมือไปทางคำพูนคำพูนก้มหัวเชิงทักทายกับทุกคน
“ถ้าไม่ได้เขาเราคงไม่สามารถต่อจิ๊กซอชิ้นสำคัญได้
และอาจทำให้สรุปแทบไม่ได้ว่าฆาตกรคือใคร”
นักสืบเจนจิรายังคงกล่าวต่อไป
“บางครั้งเราหลงประเด็นเพราะเราขาดหลักฐานบางอย่าง
และขาดข้อมูลที่มีคุณภาพแต่พอเราได้ครบหมดทุกอย่าง
ทั้งข้อมูลและหลักฐานเราก็เลยสรุปได้ว่า ใครคือฆาตกร”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น