พอทั้ง 4วิ่งไปที่หลังโรงเรียนก็เห็นทั้งรถตำรวจและรถมูลนิธิจอดกันอยู่เต็มไปหมด
เรื่องน่าแปลกอีกเรื่องคือทำไมอาจารย์ตัวเล็กๆตายไปคนหนึ่งถึงเรียกความสนใจได้ขนาดนี้
พิชิตพูดขึ้นว่า“แกอาจจะฆ่าตัวตายก็ได้นะ”
แต่มีเสียงแหลมๆแจ่มๆดังมาจากด้านหลัง“ไม่หรอก”
พอทุกคนหันไปก็ต้องตกอกตกใจเพราะเขาผู้นั้นคือเพื่อนหน้าแหลมที่มีชื่อว่าคำพูน ปัญญา
แต่เขาถูกขนานนามจากเพื่อนๆว่าโคนัน ปัวโรต์ ฟังดูเหมือนเป็นนักสืบลูกครึ่ง
แต่มีใบหน้าตี๋แหลม และก็แจ่มมากทีเดียว
สนฉัตรหันไปถาม “แล้วทำไมนายถึงเชื่อเช่นนั้นล่ะ”
นายโคนันปัวโรต์หันมาตอบ “จากข้อมูลเบื้องต้นมีดที่ปักคาอกอยู่ดันไม่มี
รอยนิ้วมือของใครอยู่เลยแล้วอาจารย์วันชาติก็ไม่ได้สวมถุงมือ
อีกอย่างถ้าแกกำลังกลุ้มจนถึงขั้นอยากฆ่าตัวตายคงไม่มานั่งวางแผนหรอกมั้งว่า
ต้องกำจัดรอยนิ้วมือของตัวเอง
ก้องภพเผลอตะโกนออกไป“ถ้าอย่างนั้นก็เป็นการฆาตกรรมน่ะสิ”
พอสิ้นเสียงของก้องภพทุกคนก็หันไปมองสนฉัตรกันเป็นตาเดียว
ใช่แล้วครับถ้าจะมีการสงสัยนักเรียนชายในโรงเรียน
สนฉัตรต้องเป็นเบอร์หนึ่งที่ทำให้คนสงสัย
และเนื่องจากเวลาที่หมอระบุการตายของอาจารย์วันชาติก็จะตกประมาณตีหนึ่งของเมื่อคืนนี้
ก้องภพเป็นคนเดียวที่รู้ว่าเมื่อคืนสนฉัตรไม่อยู่บ้าน
เพราะคนที่บ้านสนฉัตรโทรมาถามหาสนฉัตรที่บ้านเขาแล้วเขาก็จำต้องโกหกไปว่า
สนฉัตรค้างกับเขา
ก้องภพไม่ได้ปักใจเชื่อซะทีเดียวแต่เหตุการณ์แวดล้อมต่างๆก็ไม่ดีเอาเสียเลย
สนฉัตรเห็นเพื่อนรุมเขาเป็นตาเดียวจึงเกิดอาการฉุน
เขามองหน้าก้องภพแล้วก็รู้ทันทีทันใดว่าก้องภพก็สงสัยเขาอยู่เหมือนกัน
มันทำให้เขายิ่งฉุนหนักขึ้น
“เฮ้ย แมทธิวเราไปกินเหล้ากันดีกว่า” สนฉัตรกระชากคอเสื้อของแมทธิว
แล้วดึงให้ไปกับเขาโดยมีก้องภพ พิชิต และคำพูนยืนมองตาปริบๆ
คำพูนเองบันทึกชื่อของสนฉัตรเอาไว้ในหัวสมองในฐานะ
“ผู้ต้องสงสัยเบอร์หนึ่ง” คนที่จะเอามีดไปปักอกตรงหัวใจของอาจารย์วันชาติได้
จะต้องเป็นคนที่เลือดเย็นและดิบเถื่อนเอามากๆ
และสนฉัตรก็ดูเหมือนจะเพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติเหล่านั้น
ส่วนก้องภพเองถึงแม้เขาจะสงสัยในตัวสนฉัตรเหมือนกัน
แต่อารมณ์หึงหวงมีมากกว่าอารมณ์นักสืบ
เจ้าแมทธิวคือใครกันทำไมอยู่ๆก็โผล่มาแล้วก็มาทำท่าทำทางว่า
เป็นคนพิเศษของสนฉัตรเขาสองคนรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่
สนิทกันแค่ไหนมีอะไรเลยเถิดกันไปแล้วหรือยัง
ก้องภพรู้สึกว่าถ้าไม่มีเหตุฆาตกรรมบ้าๆนี่เกิดขึ้น
เขากับสนฉัตรคงได้เคลียร์เรื่องบางเรื่องกันไปแล้ว
และแน่นอนว่า ความสัมพันธ์ของเขากับสนฉัตรจะต้องพัฒนาขึ้น
ทำไมนะตอนเป็นๆอาจารย์วันชาติก็เคยเป็นก้างขวางคอเขามาแล้ว
พอตอนจะตายทำไมยังจะต้องมาเป็นก้างขวางคอชิ้นใหญ่ของเขาอีก
มันจะมากเกินไปแล้วนะ
สำหรับความรู้สึกของพิชิตนั้นเขารู้สึกว่า แค่ก้องภพคนเดียว เขาก็แทบแย่อยู่แล้ว
ทำไมยังจะต้องมีแมทธิวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยตอนนี้ยิ่งทำให้
หนทางที่เขาจะเข้าใกล้หรือหาโอกาสสารภาพความจริงกับสนฉัตร
มันก็จะยิ่งยากเข้าไปใหญ่ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ
ทำไมใครๆก็ต้องมารุมชอบสนฉัตรด้วย
จริงๆแล้วก่อนที่เขาจะถามคนอื่นเขาควรจะถามตัวเองก่อน
ว่าทำไมเขาถึงรู้สึกชอบสนฉัตรมากถึงเพียงนี้
คงเป็นเพราะความแมนเป็นเพราะเขาหน้าตาดีมีกล้าม
หรือเป็นเพราะอะไรกันแน่พิชิตเองก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน
ขณะกินเหล้าอยู่กับแมทธิวสนฉัตรรู้สึกว่ามันมีเรื่องค้างๆคาๆ
อยู่ในใจเขาหลายเรื่องเขาเองยังไม่ได้เคลียร์กับก้องภพเลย
มันก็มีเหตุการณ์ฆาตกรรมบ้าๆนั่นเกิดขึ้นซะก่อน
แถมก้องภพยังมองเขาด้วยสายตาแปลกๆอีกด้วย
ทำไมคนอย่างก้องภพถึงได้มาสงสัยเขาได้นะถ้าเป็นคนอื่นเขาจะไม่ว่าเลยสักคำ
ตอนนี้ก็มีเพียงแมทธิวคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าเขาไม่ใช่ฆาตกร
สถานการณ์มันช่างผูกพันเขากับแมทธิวไว้อย่างเหนียวแน่น
นั่นจะยิ่งทำให้เขากับแมทธิวเข้าอกเข้าใจกันมากขึ้น
ยิ่งแมทธิวเห็นเพื่อนๆของเขาต่างพากันรุมสงสัยว่าเขาอาจเป็นฆาตกร
ทำให้แมทธิวเห็นใจเขามากขึ้น
หลังจากแยกกับแมทธิวแล้วจริงๆวันนี้เขาอยากไปขลุกอยู่ในห้องของก้องภพ
เพื่อจะได้พูดคุยหลายๆเรื่องที่ยังคาใจอยู่
แต่เขาคงทำแบบนั้นไม่ได้ทางเดียวที่พอจะทำได้คือ
เย็นนี้เขาคงต้องไปกินข้าวเย็นกับที่บ้าน
หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าท่าทางเซอร์ๆเถื่อนๆของสนฉัตรนั้น
จริงๆแล้วครอบครัวของเขามีอันจะกินมากสังเกตจากการตั้งชื่อก็น่าจะพอรู้
วันนี้น่าจะเป็นวันแรกในรอบสามเดือนที่ทุกคนมานั่งกินข้าวเย็นด้วยกัน
ที่นั่งหัวโต๊ะคือท่านรัฐมนตรีบัญชาพ่อของสนฉัตร
คนถัดมาก็คือแม่ของเขาคุณหญิงสุนิสา ทำงานอยู่ที่สมาคมสตรี
ต่อมาคือพี่สาวคนโตสมร พี่สมรของสนฉัตรเป็นคนที่ถูกเลี้ยงดูอย่างเข้มงวดกวดขันตั้งแต่เด็ก
เธอจึงเป็นผู้หญิงที่จำต้องอยู่ในกรอบตามความต้องการของพ่อแม่
ถึงแม้หน้าตาจะสะสวยแต่ด้วยการแต่งเนื้อแต่งตัว ทำให้พี่สมรดูเป็นผู้หญิงเรียบๆ
เพราะเธอเกล้าผม สวมเสื้อสีขาวกับผ้านุ่งสีน้ำเงิน
พี่สมรเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง
ถัดจากพี่สมรก็เป็นพี่ชายที่ดูเหมือนว่าจะเป็นต้นแบบของสนฉัตร
พี่ชายของสนฉัตรหล่อมากชื่อว่า สมิท เขาเป็นผู้ชายที่ดูแลตัวเองดีมาก
ร่างกายกำยำสมชายและถูกเลี้ยงดูอย่างสปอยด์ทำให้เขาเจ้าชู้อย่างไม่มีใครเกิน
สมิทถูกสปอยด์มากจนถึงขนาดว่ามานั่งกินข้าวกันแบบนี้
เขาก็มากินโดยนุ่งกางเกงบ๊อกเซอร์เพียงตัวเดียวไม่สวมเสื้อ
เผยให้เห็นแผงอกที่เต็มแน่นไปด้วยมัดกล้าม
กับกล้ามท้องที่ขึ้นเป็นลอนสวยในหน้าคมสมชายกับผิวขาวเนียน
มันทำให้เขาดูเป็นผู้ชายที่ไม่ธรรมดาจริงๆ
ถัดมาอีกนิดเป็นพี่สาวคนรอง... ฟารีดา... แต่ก็อาจเรียกว่าพี่ได้ไม่เต็มปาก
เนื่องจากว่าเธอไม่ใช่ลูกแท้ๆของคนบ้านนี้
ฟารีดาจึงถูกเลี้ยงแบบปล่อยปละละเลยจนเธอเป็นคนแก่แดด และร้องหาแต่เซ็กซ์อยู่ร่ำไป
โดยมากก็มักจะประสบผลสำเร็จเพราะเธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากๆ
เธอเองแทบจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองใช้ร่างกายเปลืองแค่ไหน
คนสุดท้ายก็คือสนฉัตร ผู้ชายที่กำลังตกเป็นผู้ต้องสงสัย
ฟารีดาทักสนฉัตรก่อน“เป็นไงน้องชาย นิ่งเงียบเลย เครียดมากเหรอจ๊ะ”
สนฉัตรพยายามตอบ“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ ผมแค่เพลียๆเท่านั้น”
“มีอะไรก็ปรึกษาพี่ได้นะอย่าเก็บเอาไว้คนเดียว” สมิทแสดงตัวเป็นพี่ชายที่แสนดีกับสนฉัตร
“ไม่เป็นไรครับ” สนฉัตรหันไปหาสมิท
“ผมไม่ได้เป็นอะไรหรอกแค่เหนื่อยๆเท่านั้น ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ”
ทุกคนรู้สึกสบายใจขึ้นเมื่อสนฉัตรยืนยันแบบนั้น
ทางฝั่งของก้องภพเขาเองเย็นนี้ก็อยากจะอยู่กับสนฉัตร
แต่เนื่องจากเหตุฆาตกรรมทำให้พวกเขาต้องแยกจากกัน
ก้องภพจึงแวะไปหาพงษ์พัฒน์ที่โรงพยาบาลก่อนที่จะกลับบ้าน
พอเขาเปิดประตูห้องเข้าไป เขาตกใจมากเมื่อเห็นพงษ์พัฒน์กำลังเผากระดาษบางอย่างอยู่ในห้อง
“เดี๋ยวควันจะฟุ้งเอานะ”
ก้องภพวิ่งไปเอาถังขยะที่พงษ์พัฒน์ใช้เป็นที่เผากระดาษเข้าไปในห้องน้ำ
แล้วก็ตักน้ำใส่เพื่อที่จะดับไฟที่กำลังลุกโชติช่วง
ก้องภพออกมานอกห้องน้ำเขาเดินเข้าไปพูดกับพงษ์พัฒน์
“นายกำลังทำบ้าอะไรเนี่ย”
พงษ์พัฒน์หันมาแสดงสีหน้าที่ออกจะผิดปกติจากเมื่อวันก่อน
“ผมฉลองที่ไอ้วันชาติมันตายไปซะได้”
วันชาติเหรอ ชื่อของอาจารย์ฝ่ายปกครองนี่นา
หรือว่าพงษ์พัฒน์ ไม่ เป็นไปไม่ได้หรอก
พงษ์พัฒน์ไม่น่าจะมีส่วนด้วย มันออกจะเป็นนิยายมากเกินไป
ที่คนที่อยู่ห่างจากโรงเรียนมากขนาดนั้นจะเป็นผู้ลงมือ
นอกจาก ...นอกเสียจากว่า เขาจะมีผู้สมรู้ร่วมคิด
ก้องภพเดินออกไปสูดอากาศนอกห้อง
เขารู้สึกเคียดแค้นชิงชังอาจารย์ฝ่ายปกครองมาก
จะตายทั้งทีก็ไม่ตายไปเฉยๆ แต่ดันทำให้มิตรภาพระหว่างเขากับสนฉัตร
รวมทั้งเขากับพงษ์พัฒน์ดูสั่นคลอนไปด้วย
แถมยังดูเหมือนกับว่าทำให้มิตรภาพของสนฉัตรกับแมทธิวดูแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ทำไมการตายของใครสักคนถึงทำให้ความสัมพันธ์ของคนที่มีชีวิตอยู่
มันพลิกผันได้ถึงขนาดนี้นะหรือว่าพวกเขายังเด็กมากเกินไปที่จะจัดการ
เรื่องต่างๆเหล่านี้ได้
ระหว่างทานอาหารสมรจะจ้องมองแผงอกของสมิทอยู่ตลอดเวลา
เธอไม่ได้คิดอะไรที่อกุศลแต่สงสัยเลยเถิดไปว่า
ทำไมผู้ชายถึงสามารถทำอะไรได้ในสังคมอย่างไม่มีขีดกำจัด
แต่กับเธอเองเธอต้องแบกความหวังและความเป็นกุลสตรีไว้เต็มสองบ่า
บางครั้งมันอึดอัดบางครั้งก็ถึงกับบ้า ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ มันจะระเบิดออกมา
ส่วนฟารีดาก็จ้องมองสมิทเหมือนกันแต่ด้วยอีกความรู้สึกหนึ่ง
ฟารีดาอยากจะมีอะไรกับสมิทมานานแต่ยังไม่มีโอกาสสักที
เธอคิดว่าการมีโอกาสได้พี่ชายบุญธรรมที่รูปร่างหน้าตาดีขนาดนี้นับว่าเป็นโชคของเธอ
เธอไม่อยากที่จะปล่อยให้เขาหลุดมือไปแต่ตอนนี้เธอยังไม่มีโอกาส
ที่จะเผด็จศึกเธอจะต้องวางแผนให้รัดกุม หรือต้องพยายามหาโอกาสเหมาะๆสักครั้ง
ตอนนี้ทำได้แค่แอบมองแผงอกแกร่งของเขากับเป้ากางเกงตุงๆได้เพียงแค่นั้น
นานเหมือนกันที่สมิทกับสนฉัตรไม่ค่อยได้คุยกันตามประสาพี่ชายกับน้องชาย
พอมีโอกาสสมิทจึงทักขึ้น
“เป็นไงบ้างไอ้สนไม่ค่อยได้กลับบ้านกลับช่อง”
สนฉัตรได้แต่ยิ้มๆ
“แล้วไอ้ก้องเป็นไงบ้างล่ะไปนอนบ้านมันบ่อยไม่ใช่เหรอ”
“มันก็สบายดีครับ” สนฉัตรตอบแบบขอไปที
“นายก็แปลกบ้านเราออกจะใหญ่โตก็ไม่ชอบกลับมาค้าง”
สนฉัตรอยากจะเปลี่ยนเรื่องพูดก็เลยถามพี่ชายไปว่า
“แล้วตอนนี้บริษัทโฆษณาของพี่เป็นยังไงบ้างครับ”
“ก็วุ่นๆอยู่ตอนนี้อยากจะได้เลขาฯเพิ่ม แต่ยังไม่ถูกใจคนที่มาสมัครเลย”
สนฉัตรยิ้ม “คนที่มาสมัครยังสวยไม่พอเหรอครับ”
“ไม่หรอกแต่พี่อยากได้คนที่เก่งๆและไม่ค่อยสวยมากมากกว่า
คนที่จะมาทำงานใกล้ตัวขืนเลือกสวยๆก็ไม่ต้องมีอันทำอะไรกันพอดี”
“พี่ก็คิดแปลกดีนะครับมันผิดกับฉายาจอมเจ้าชู้ยังไงก็ไม่รู้”
ระหว่างที่พี่น้องกำลังคุยกันอยู่ฟารีดาแอบลอบมองสมิทจากด้านนอกตรงบานเกล็ด
ตอนนั้นสนฉัตรเข้าไปคุยกับสมิทในห้องเขานั่งอยู่ที่โต๊ะคอมฯของพี่ชาย
ส่วนสมิทเองนอนถอดเสื้ออยู่บนเตียงแล้วเอามือประสานไว้ที่ท้ายทอย
เงยหน้าคุยกับสนฉัตร
การนอนในท่านั้นทำให้อกของเขานูนขึ้นมาอย่างมีเสน่ห์
และนั้นเป็นสิ่งที่ฟารีดาปรารถนา
เธอรู้สึกว่าโอกาสไม่ค่อยอำนวยตรงที่ตอนที่สมิทกลับบ้านเร็ว
สนฉัตรก็ดันกลับมาค้างที่บ้านเหมือนกัน
พี่น้องคู่นี้เวลาเจอกันก็ชอบมานั่งคุยกันตามประสาผู้ชาย
ฟารีดาสังเกตว่าพอสนฉัตรอยู่ ม.5เขาก็เริ่มดูหนุ่มมากขึ้น
อกผายไหล่ผึ่งหน้าตาคมคายได้รูป
ฟารีดาเริ่มคิดอกุศลว่าถ้าได้งาบทั้งพี่และน้องก็คงจะไม่เลวเหมือนกัน
น้องๆหน้าห้องยุทธในยุทธโมเดลลิ่งต่างบ่นพึมพำกันเมื่อเห็นพิทักษ์เดินมาแต่ไกล
“คราวนี้เธอว่ายุทธจะไล่เขาออกไหม”
“ไม่แน่ใจนะแต่พิทักษ์ก็ก่อเรื่องมาหลายทีแล้ว”
“ทำไมนะเขาแกล้งนายแบบมาก็หลายคนแต่พี่ยุทธไม่ยอมไล่เขาออกซะที”
“เธอ เงียบหน่อยเขาเดินมาใกล้แล้ว”
พิทักษ์เดินเข้าห้องไปยุทธเงยหน้าขึ้น เขาทำหน้าตาดุดัน
“นายกล้าทำในเรื่องที่ไม่ควรทำอีกแล้วนะทำไมนายถึงทำตัวแบบนี้นะ”
พิทักษ์ยืนตรงไม่พูดไม่จาอะไร
“นายไม่น่าจะต้องทำอะไรให้ฉันโกรธเลยนี่นา”
“นายลงโทษผมเถอะครับลงโทษให้สาสมกับความผิดของผม” พิทักษ์พูดขึ้น
ยุทธยิ้มโหดๆที่มุมปากตอนนี้ทั้งคู่มีอากัปกิริยาที่เปลี่ยนแปลงไป
เหมือนกับว่าพวกเขาคือผู้คุมกับนักโทษ
“ถอดเสื้อมึงออก” ยุทธออกคำสั่งอย่างเฉียบขาด
พิทักษ์ถอดเสื้อของเขาออกแล้วกลับมายืนในท่าตรง
ยุทธไม่พูดพร่ำทำเพลงระดมฟาดหน้าอกของพิทักษ์อย่างไม่ยั้ง
“ถอดกางเกงมึงออก” ยุทธออกคำสั่งต่อ
พิทักษ์ทำตามคำสั่งถอดกางเกงจนเหลือกางเกงในเพียงตัวเดียว
เขากลับมายืนท่าตรง
ยุทธเดินเข้ามายืนตรงหน้าเขาเอามือไปบีบหัวนมทั้งสองข้างของพิทักษ์อย่างแรง
และก็บีบค้างอยู่อย่างนั้น
“มึงลองดีกับกูเหรอ” ตอนนี้พิทักษ์สีหน้าบูดเบี้ยว
“มึงลองดีกับกูยังไม่พออีกเหรอ” ยุทธพูดใส่หน้าเขาขณะที่เพิ่มแรงบีบตรงหัวนมเขามากขึ้น
“กูเมื่อยมือแล้วว่ะ” ยุทธปล่อยมือจากหัวนมของพิทักษ์
เขาเดินไปหยิบที่หนีบกระดาษเหล็กสีดำอันใหญ่สองอันมาหนีบหัวนมของพิทักษ์แทน
พิทักษ์ซีดปากด้วยความเจ็บปวดท่อนลำแข็งตุงเกือบทะลุกางเกงในออกมา
“มึงวิดพื้น 100 ที ปฏิบัติ” ยุทธออกคำสั่ง พิทักษ์ปฏิบัติตาม
ขณะที่เขากำลังวิดพื้นยุทธก็เตะชายโครงของเขาไปด้วย หรือไม่ก็เอาเท้เหยียบหลัง
เพื่อกดให้พิทักษ์ก้มตัวลงไปจนเกือบติดพื้นก่อนที่จะดันตัวเองขึ้นมา
ยุทธรู้ดีว่าที่กำลังทำอยู่นี้เป็นการปลดปล่อยสัญชาตญาณดิบที่ดีทีเดียว
แต่เขาก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่ใช่“ความรัก”
ถึงแม้ก้องภพคิดว่าการที่เขาสงสัยพงษ์พัฒน์จะรู้สึกแปลก
แต่เขาก็เอาเรื่องนี้มาปรึกษาคำพูน
คำพูนจึงสัมภาษณ์ก้องภพตั้งแต่แรกเลยว่าเขารู้จักพงษ์พัฒน์ได้อย่างไร
และสิ่งที่ต้องหาต่อไปก็คือพงษ์พัฒน์มีแรงจูงใจที่จะฆ่าอาจารย์วันชาติหรือไม่
“แรงจูงใจ” ก้องภพสงสัย
“ใช่แล้วบางทีการหาแรงจูงใจก็สำคัญกว่าที่จะไปนั่งคิดแค่ว่า
เขามีวิธีฆ่าอย่างไร”
“แล้วนายมีข้อมูลเรื่องแรงจูงใจบ้างหรือยัง”
“ตอนนี้ก็มีเพิ่มเติมนะแล้วก็พบผู้ต้องสงสัยเพิ่มด้วย”
“งั้นหรือ … ใครวะ”
“พิชิตไง อาจารย์วันชาติมีส่วนทำให้พ่อของพิชิตตาย”
ก้องภพตกใจมาก “แล้วทางตำรวจรู้เรื่องนี้หรือยัง”
“ตอนนี้ทางโรงเรียนพยายามกันตำรวจออกไปแล้วจ้างนักสืบเอกชนมาสืบแทน
แล้วผู้ต้องสงสัยอันดับต้นๆน่าจะยังเป็นสนฉัตรไม่รู้เหมือนกันนะว่า
นักสืบที่ทางโรงเรียนจ้างมาจะมีข้อมูลเพิ่มเติมอะไรบ้าง”
ก้องภพก็ยังนึกเป็นห่วงสนฉัตรมากแต่หลายเรื่องก็ยังค้างคา
ขณะที่เขากำลังยืนนิ่งอยู่นั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว
คำพูนร้องทักขึ้นก่อน
“ดูก็รู้ว่าผมม้านั่นคือวิกแว่นที่เจ้าหล่อนใส่ก็ไม่ใช่แว่นสายตา
ชุดที่หล่อนสวมกปกปิดร่างอย่างกับนางชีมันดูแปลกๆพิกล”
“แล้วหล่อนคือใครมาโผล่แถวนี้ทำไมเวลาแบบนี้” ก้องภพอดสงสัยไม่ได้
คำพูนหยิบสมุดโน้ตของเขาออกมาจดข้อมูลเพิ่มเติม
ก้องภพอดห่วงสนฉัตรไม่ได้“นายรู้รึเปล่าว่าตอนนี้ไอ้สนอยู่ไหน”
“อยู่ในห้องผู้อำนวยการโน่นแน่ะ”
สนฉัตรถูกเรียกเข้าไปในห้องผู้อำนวยการโดยมีผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ
อาจารย์สุภาวดีผู้ช่วยผู้อำนวยการ และนักสืบเอกชนหญิงที่ทางโรงเรียนว่าจ้างมา
ทั้งหมดสัมภาษณ์สนฉัตรกันพอสมควรจึงอนุญาตให้เขาออกจากห้องได้
พอสนฉัตรออกจากห้องผอ.แววตาก็หันไปพูดกับเจนจิรา นักสืบที่ว่าจ้างมา
“เขามีพิรุธนะทำไมถึงไม่ยอมบอกว่าคืนนั้นเขาอยู่ที่ไหน กับใคร”
เจนจิราให้ความเห็น“แต่แค่นั้นคงสรุปไม่ได้ว่าเขาเป็นตัวการ
เขาอาจจะมีเรื่องส่วนตัวที่ไม่อยากบอกเราก็ได้ดิฉันจะไปสืบเพิ่มเติมเองค่ะ”
“ดีค่ะ แล้วอ.สุภาวดีพาก้องภพไปรู้จักกับพงษ์พัฒน์แล้วเหรอคะ”
“ค่ะดิฉันจัดการให้เรียบร้อยแล้ว”
“ดีค่ะส่วนวิชาของอาจารย์วันชาติที่ว่างลง ขอให้ อ.สุภาวดีช่วยดูแลไปก่อนนะ
ก่อนที่เราจะได้อาจารย์ใหม่มาแทน”
“ได้ค่ะเรื่องนี้ไม่มีปัญหาค่ะท่าน”
ผู้หญิงที่แต่งตัวเป็นนางชีคนนั้นเดินทางไปที่สตูดิโอ 69แต่เข้าทางด้านหลังของสตูดิโอ
เจ๊แมวรอพบเธออยู่
“มาแล้วเหรอจ๊ะแม่นางแบบดังในคราบของเยาวมาลย์”
เยาวมาลย์ไม่ได้ตอบอะไรนอกจากยิ้มรับ
“หายไปไหนมาล่ะจ๊ะ”
เยาวมาลย์ก็ยังเงียบอยู่
“เอาล่ะถ้าเธอไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร ไปเตรียมแต่งตัวได้แล้วล่ะ”
วันนี้เยาวมาลย์มีถ่ายแบบเธอกระชากวิกออก เผยให้เห็นผมยาวสลวย
ถอดแว่นเปลี่ยนชุดเป็นชุดว่ายน้ำ
ตอนนี้เธอกลับมาอยู่ในสภาพของนางแบบหมายเลขหนึ่ง
“โสภิตา บราวน์”
หน้าตาเธอสะสวยได้รูปรูปร่างเนี๊ยบ
หลังทำงานเสร็จเธอก็เปลี่ยนเป็นชุดนางชีเหมือนเดิม
“จะปกปิดความสวยไปทำไม” พี่แมวอดจิกกัดไม่ได้
“และนี่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์เรื่องอะไรอ่ะ... สมัครงานเหรอ”
“ค่ะเยาว์อยากหางานที่มั่นคงทำ”
“เอาเถอะแม่เยาวมาลย์อยากทำอะไรก็ตามใจหล่อน” เจ๊แมวเดินไปอีกห้องหนึ่ง
เยาวมาลย์ยังคิดจะหางานที่ควรทำมากกว่านี้หลังจากแม่ตาย
เธอก็หาเลี้ยงตัวเองด้วยอาชีพนางแบบมาตั้งแต่อายุ15
เธอคิดว่ามันเป็นแค่งานตอนปกติเธอมักจะแต่งตัวเพื่อปกปิดตัวเอง
ไม่ให้ใครรู้ว่าเธอคือ“โสภิตา บราวน์”
เพราะชื่อจริงๆของเธอก็คือเยาวมาลย์
วันนี้เธอรู้สึกแปลกๆใช่ พ่อของเธอสมควรตายมานานแล้ว
แต่เป็นช่วงนี้ก็เหมาะสมดีพ่อวันชาติน่าจะตายไปตั้งนานแล้ว
เธอคิดแบบนั้นจริงๆเธออยากจะลืมชีวิตที่ผ่านมาแล้วเริ่มต้นใหม่กับงานดีๆ
เธอเตะตาตำแหน่งเลขาฯของบริษัทโฆษณาสมิทและเพื่อน
น่าสนใจดีเธอคิดว่าพรุ่งนี้เธอจะเดินทางไปสมัครด้วยตัวเอง.
สนฉัตรเดินออกจากห้องผู้อำนวยการด้วยอาการงงๆ
และเขาก็เจอก้องภพโดยบังเอิญเขาคิดแบบนั้นโดยหารู้ไม่ว่าก้องภพตั้งใจที่จะยืนคอยเขา
สนฉัตรคอตก และรู้สึกว่ามีเรื่องหลายเรื่องที่วนไปวนมาอยู่ในหัวเขา
เขาอายุแค่ 16 เองนะ มันก็มีเรื่องที่เข้ามามากมายขนาดนี้
บางครั้งเขาก็รู้สึกว่ามันหนักเกินไปสำหรับเขา
ก้องภพรู้ใจเขาเลยชวนเขาโดดเรียนและพาเขาไปที่ห้อง ซึ่งสนฉัตรก็ยอมไปด้วยดี
ทั้งสองเริ่มที่จะคิดคล้ายๆกันว่าเรื่องอื่นๆก็เก็บไว้ก่อน
ตอนนี้ต้องพักผ่อนเอาแรงก่อนเรื่องอื่นค่อยว่ากัน
ก้องภพบังคับให้สนฉัตรไปอาบน้ำเขาจะได้สบายใจขึ้น
พอสนฉัตรเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูเพียงตัวเดียว
ก้องภพก็จับเขานอนหงายและคิดว่าจะนวดน้ำมันให้กับเขา
ตอนนี้เขาอยากจะเก็บเรื่องยุ่งๆลงถังขยะไปก่อน
อยากปรับสภาพให้ทั้งเขาและสนฉัตรรู้สึกเหมือนกับว่า
ทั้งโลกมีเพียงเขาสองคนเท่านั้นเรื่องอื่นๆก็ลืมๆมันไปก่อน
ก้องภพเทน้ำมันลงบนมือเพื่อเตรียมนวดไปที่แผงอกของสนฉัตร.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น